หากจะพูดถึงเรื่องของประเภทเบียร์นั้นเขาก็จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ ด้วยกัน ซึ่งอย่างที่เราทราบกันดีนั่นก็คือ เอล (Ale) และ ลาเกอร์ (Lager) นั่นเอง ซึ่งทั้งสองประเภทนี้เขาก็จะมีความแตกต่างกันที่เรื่องของกรรมวิธีในการทำ รวมไปถึงเรื่องของรสชาติที่จะมีเรื่องของความเข้มและอ่อนที่แตกต่างกันออกไปนั่นเอง และวันนี้บทความของเราก็จะพาทุกท่านมารู้จักกับ lager beer เบียร์หมักที่หาดื่มได้ง่ายแต่วิธีการทำนั้นไม่ได้ง่ายเลย จะมีอะไรที่น่ารู้บ้างนั้นเราก็มาดูไปพร้อม ๆ กันได้เลย
lager beer ดื่มลื่นคอ แต่ไม่ได้ทำง่ายอย่างที่คิด
lager beer (ลาเกอร์ เบียร์) คือ เป็นเบียร์ที่มีการผลิตโดนจะใช้เป็นยีสต์หมักนอนก้น (bottom-fermentation yeast) ที่จะแตกต่างจากเอลตรงที่เอลนั้นจะใช้วิธีการหมักยีสต์แบบหมักลอยผิว ดังนั้นการหมักลาเกอร์เบียร์นั้นก็จะอาศัยการหมักต่าง ๆ อยู่ที่บริเวณก้นของถังเบียร์นั่นเอง ซึ่งก็จะนิยมเรียกการหมักเช่นนี้ว่า Bottom -Fermentation ที่จะใช้อุณหภูมิในการหมักไม่เกิน 5 องศา และเมื่อผ่านการหมักเป็นที่เรียบร้อยแล้วมันก็จะถูกนำไปเก็บในอุณหภูมิ 0-32 องศาเซลเซียส ต่อไป
โดยระยะเวลาในการหมักของลาเกอร์เบียร์นั้นก็จะเวลาหลายสัปดาห์ หรือในบางตัวก็หลายเดือนเพื่อให้ได้รสชาติที่ดีที่สุด และการที่ทำเช่นนี้นั้นเขาก็จะทำให้เบียร์ที่ได้มีสีใส รวมไปถึงยังมีปริมาณของคาร์บอนไดออกไซด์สูงอีกด้วย แต่ก็ใช่ว่าลาเกอร์เบียร์นั้นจะไม่มีสีเข้ม เพราะเรื่องของระดับสีของเขานั้นก็ขึ้นอยู่กับระยะเวลในการหมักำอีกเช่นนเดียวกัน แต่เมื่อนำไปเทียบกับเอลแล้วสีของลาเกอร์จะต่อนข้างอ่อนและใสกว่า รวมไปถึงเรื่องของรสชาติลาเกอร์เบียร์ก็จะมีรสชาติที่อ่อนกว่า และในส่วนของปริมาณแอลกอฮออล์ก็ยังมีอยู่เพียง 3-5% เท่านั้นทำให้สามารถดื่มได้ง่ายกว่าเอลอีกด้วยนั่นเอง
และนั่นก็คือเรื่องที่น่ารู้เกี่ยวกับเรื่องของ lager beer ที่หลาย ๆ คน นั้นบอกว่าเขาเป็นเบียร์ที่มีรสชาติลื่นคอมาก ๆ อีกทั้งยังเป็นเบียร์หมักคุณภาพที่มีเรื่องของวิธีการทำไม่ง่ายเลยอีกด้วย แถมเรื่องของความขมของเขานั้นก็จะค่อนข้างน้อยกว่าเอลอยู่พอสมควรเลยทีเดียว ทำให้สามารถดื่มได้ง่ายกว่าไปในตัว แถมระยะเวลาในการหมักของ lager beer ก็ใช้เวลาที่ค่อนข้างนานกว่าเอลเป็นเท่าตัวอีกด้วย ทำให้หลาย ๆ ท่านชื่นชอบในลาเกอร์เบียร์เป็นอย่างมากเลยนั่นเอง
เครดิต www.liquor.com
อ่านต่อที่ เบียร์สด vs เบียร์ขวด ทำไมรสชาติจึงต่างกัน?!