เคยสังเกตกันหรือไม่ว่า เวลามีงานฉลองอะไรก็ตามในต่างประเทศ มักจะมีการเขย่า แชมเปญ แล้วปล่อยให้มันพุ่งขึ้นมาเหมือนน้ำพุ ท่ามกลางความยินดีมากมาย ซึ่งหลายคนก็คงจะสงสัยกันว่าทำไมต้องเป็นเครื่องดื่มชนิดนี้ เพราะราคาของมันค่อนข้างแพง และหลายคนก็คงสงสัยไม่น้อยว่ารสชาติของมันเป็นยังไงกันแน่ มาลองหาคำตอบกันจากในบทความนี้ได้เลย
ประวัติความเป็นมาของ “แชมเปญ”
Credit : https://www.sfgate.com/shopping/article/What-s-the-difference-between-Champagne-and-16157356.php
คำว่าแชมเปญที่เรารู้จักกันดี มีที่มาจากคำว่า ชองปาญ ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของเครื่องดื่มชนิดนี้ที่อยู่ในประเทศฝรั่งเศส ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีแล้ว เครื่องดื่มชองปาญนี้ก็เป็นไวน์ธรรมดา ไม่มีฟองเหมือนในปัจจุบัน เพราะในสมัยนั้นหากพบว่าเครื่องดื่มชนิดไหนมีฟอง ก็แปลว่ามีการจัดเก็บที่ไม่ดี อยู่ในที่ที่มีอุณหภูมิสูงเกินไปจนทำให้เกิดการหมักบ่มขึ้นอีกครั้ง และแน่นอนว่ารสชาติของมันจะผิดเพี้ยนไป จนเป็นที่เข้าใจกันว่าบูดเสียนั่นเอง
แต่เมื่อถึงปี 1676 ได้มีนักบวชจากนิกายเบเนดิกทีน ได้เอาองุ่นชื่อดังในขณะนั้น 3 สามพันธุ์ ได้แก่ Chardonnay, Pinot Nior และ Pinot Meunier มาหมักผสมกับน้ำตาลอ้อยแล้วเอาไปบรรจุลงในขวดแก้วที่ปิดด้วยจุกไม้ค็อก ผลจากการบ่มนี้ทำให้เกิดเครื่องดื่มชนิดหนึ่งที่มีฟอง และมีรสชาติที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งก็กลายเป็นที่มาของวลีเด็ดอย่าง “Come Quickly, I’m tasting the stars!” ซึ่งเป็นวลีอมตะมาจนถึงทุกวันนี้ สุดท้ายเครื่องดื่มนี้ก็มีชื่อว่า “ชองปาญ” และเพี้ยนมาเป็นแชมเปญในภายหลัง
จากเครื่องดื่มธรรมดา สู่เครื่องดื่มที่เป็นสัญลักษณ์ของการเฉลิมฉลอง
Credit : https://www.decanter.com/learn/advice/whats-difference-between-champagne-and-prosecco-372451/
ด้วยลักษณะการหมักบ่มที่ยุ่งยากกว่าไวน์ชนิดอื่นๆ และผลิตได้เฉพาะในแคว้นชองปาญ ประเทศฝรั่งเศสเท่านั้น เครื่องดื่มชนิดนี้จึงกลายเป็นของหายาก และเป็นเครื่องดื่มเฉพาะของผู้ที่มีฐานะเท่านั้น ลักษณะพิเศษของแชมเปญที่มีสีเหลืองทอง และมีพรายฟองน้ำผุดขึ้นมาจนทำให้กลายเป็นเครื่องดื่มที่มีความพิเศษไม่เหมือนใคร การจะดื่มเครื่องดื่มชนิดนี้จึงต้องเกิดขึ้นในวาระพิเศษเท่านั้น และไม่มีวาระไหนที่จะเหมาะสมไปมากกว่าการเฉลิมฉลองต่างๆ แล้ว
ในภายหลัง เครื่องดื่มชนิดนี้ยังถูกปรับปรุงและมีกฎหมายเพื่อควบคุมการผลิตและควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด ตั้งแต่เรื่องของสภาพภูมิอากาศ สภาพของดินที่ปลูกองุ่น รวมถึงลักษณะทางภูมิประเทศต่างๆ ที่อาจจะมีผลต่อรสชาติ ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดนี้จะต้องมีการระบุไว้ในฉลากของแชมเปญทุกขวด หากเครื่องดื่มนี้คุณซื้อมาจากฝรั่งเศสจริงๆ จะมีบอกเลยว่าผลิตในภูมิประเทศแบบไหน มีปริมาณความชื้นเท่าไร ใช้องุ่นสายพันธุ์ใดบ้าง ทุกอย่างจะตรวจสอบย้อนหลังได้หมด เหมือนการซื้อแบรนด์เนมยี่ห้อหนึ่งเลย
แชมเปญมีทั้งหมดกี่แบบ แต่ละแบบมีรสชาติแบบใดบ้าง?
แชมเปญทั้งหมดที่ผลิตจากแคว้นชองปาญ จะมาจากพื้นที่ปลูกองุ่นด้วยกันทั้งหมด 5 เขต ซึ่งแต่ละเขตจะมีรสชาติที่แตกต่างกันไป สามารถอธิบายรายละเอียดได้ดังต่อไปนี้
- อูบ์ (Aube) เขตนี้จะอยู่บริเวณตอนล่างของแคว้น และมักจะปลูกองุ่นดำสายพันธุ์ Pinot Noir เป็นหลัก เครื่องดื่มที่ได้จากพื้นที่นี้จะมีสีเข้ม มีรสชาติที่ค่อนข้างนุ่มนวล
- วัลเลย์ เดอ ลา มาร์น (Vallee de la Marne) เขตนี้อยู่บริเวณตอนกลางที่ค่อนไปทางซ้ายของแคว้น นิยมปลูกองุ่น Pinot Meunier จึงทำให้เครื่องดื่มมีกลิ่นและรสชาติหอมหวานมากกว่าเขตอื่นๆ
- โกต์ ดี บลังส์ (Cote des Blancs) เป็นเขตที่ตั้งอยู่บนภูเขาที่มีลักษณะเป็นหินปูนสีขาว นิยมปลูกองุ่น Chardonnay เป็นหลัก เครื่องดื่มที่ได้จากเขตนี้จะมีรสชาติกลมกล่อม และนุ่มนวลกว่า 2 เขตแรกมากๆ
- โกต์ ดี ซีซานน์ (Cote de Sezanne) เขตนี้ตั้งอยู่บนภูเขาหินปูนและดินเหนียว นิยมปลูกองุ่น Chardonnay เหมือนกัน แต่เครื่องดื่มจากเขตนี้จะมีรสชาติเบากว่าจากโกต์ ดี บลังส์
- มองตาง์ เดอ รามส์ (Mantagne de Reims) แชมเปญที่มาจากเขตนี้ จะได้ชื่อว่ามีรสชาติดีที่สุด มีความเข้มข้น และกลมกล่อมมากที่สุด แบบที่ใครได้ดื่มก็ยากที่จะลืมเลือนรสชาติ จึงทำให้มีราคาแพงที่สุดด้วย
ถ้าหากว่าคุณกำลังมองหาแชมเปญที่จะนำมาใช้สำหรับพิธีเฉลิมฉลองใดๆ ก็ตาม ขอแนะนำให้อ่านฉลากให้ดีทุกครั้งว่ามาจากแคว้นชองปาญจริงหรือเปล่า เพราะปัจจุบันนี้ก็มีหลายที่เริ่มผลิตเครื่องดื่มชนิดนี้แล้ว แต่ก็ยังไม่มีที่ไหนที่สู้แบบออริจินัลได้เลย
อ่านบทความ : Sparkling Wine แบบไหนฝาด แบบไหนหวาน เลือกยังไง มาดูกัน