ไวน์โลกเก่า กับ ไวน์โลกใหม่ คืออะไร? แตกต่างกันอย่างไร
เคยได้ยินคำว่าไวน์โลกเก่า ไวน์โลกใหม่กันไหมครับ สำหรับใครที่เคยได้ยินทราบไหมครับว่ามันแตกต่างกันอย่างไร หากยังไม่ทราบวันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับไวน์โลกเก่าและไวน์โลกใหม่กันให้มากขึ้น ว่าคืออะไร มีความแตกต่างกันอย่างไร ไปติดตามพร้อม ๆ กันได้เลยครับ
ไวน์โลกเก่า ไวน์โลกใหม่ แยกกันอย่างไร?
เข้าใจกันให้ง่ายที่สุดคือคำว่า ‘เก่า’ และ ‘ใหม่’ โดยไวน์โลกเก่าจะถูกนิยามไว้ว่าเป็นกลุ่มประเทศที่ริเริ่ม และผลักดันกระบวนการผลิตไวน์อย่างที่เราคุ้นเคยกันในสมัยปัจจุบัน (modern winemaking) นอกจากนั้นยังแผ่ขยายอิทธิพลในการผลิตไวน์เข้าไปในประเทศอื่น ๆ อีกด้วย ฉะนั้นกลุ่มไวน์โลกเก่าจึงเป็นประเทศที่มาจากทวีปยุโรปทั้งหมด เพราะนอกจากจะผลิตไวน์ในปริมาณมาก ยังเป็นกลุ่มประเทศล่าอาณานิคมที่นำพาไวน์ไปแทบจะทั่วทุกมุมโลก
ส่วนประเทศไวน์โลกใหม่ คือประเทศที่ได้รับวัฒนธรรมการผลิตไวน์มาจากกลุ่มไวน์โลกเก่าอีกทีหนึ่ง ซึ่งจะรับอิทธิพลดังกล่าวมาได้ 2 รูปแบบ ได้แก่การย้ายถิ่นฐานจากประเทศแถบยุโรป มาตั้งรกรากในดินแดนใหม่เช่นประเทศอเมริกา และออสเตรเลียเป็นต้น ไปจนถึงประเทศที่ถูกยึดเป็นอาณานิคมอย่างกลุ่มประเทศอเมริกาใต้ ไปจนถึงแอฟริกาใต้เป็นต้น และจะมีประเทศใหม่ล่าสุดอย่างจีนที่เรียนรู้และแสวงหาพื้นที่การผลิตไวน์ขึ้นมาเองเพื่อผลักดันเศรษฐกิจของประเทศตนเอง
ไวน์โลกเก่าประกอบด้วย เยอรมัน ออสเตรีย โปรตุเกส ฮังการี ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน
ไวน์โลกใหม่ประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา แคนนาดา ชิลี ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จีน อาร์เจนติน่า แอฟริกาใต้
Photo by canva
การเพิ่มเข้ามาของไวน์โลกโบราณ (Ancient World)
หลายคนจะเข้าใจว่าไวน์โลกเก่า อย่างฝรั่งเศส หรืออิตาลี เป็นต้นกำเนิดของไวน์ ซึ่งความจริงแล้วเป็นความเข้าใจที่ผิดนะครับ นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้มี catagory แยกออกมาจากไวน์โลกเก่า นั่นก็คือไวน์ ‘Ancient World’ ที่เริ่มถูกพูดถึงบ่อยขึ้น เพราะมีประวัติศาสตร์การผลิตไวน์ตั้งแต่ยุคก่อนคริสต์กาล (6,000-8,000 ปีมาแล้ว) และยังเป็นประเทศต้นกำเนิดขององุ่นทำไวน์ ‘Vitis vinifera’
winefolly.com
ยุโรปตะวันออก ถือว่าเป็นกลุ่มประเทศของไวน์โลกโบราณ ตั้งแต่ไวน์ที่หมักในไห ‘qvevri’ โดยใช้ความร้อนจากการฝังไหไว้ใต้ดินจากประเทศจอร์เจีย ไปจนถึงไวน์ขาวจากองุ่นป่าของประเทศกรีซ ที่ยังคงวิธีการทำไวน์แบบโบราณแม้จะไม่ได้ขยายอิทธิพลการทำไวน์ไปสู่ชาติอื่น ๆ เหมือนดั่งที่ฝรั่งเศส หรือสเปนทำ และไม่ได้เน้นการผลิตไวน์ส่งออกในเชิงพาณิชณ์ แต่ไวน์จาก Ancient World ก็เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ ความคลาสสิกที่ตอนนี้เริ่มกลับมาบูมในกลุ่มผู้บริโภคที่หลงใหลใน niche wine
รายชื่อไวน์โลกโบราณ : Georgia Armenia Turkey Iran Greece Lebanon
Photo by canva
ไวน์โลกเก่า VS ไวน์โลกใหม่ อะไรดีกว่ากัน?
คอไวน์หน้าใหม่ทั้งหลายมักเข้าใจว่าไวน์โลกเก่าดีกว่าไวน์โลกใหม่ ซึ่งมาถึงยุคสมัยนี้เราไม่สามารถคิดแบบนั้นได้แล้ว เพราะทุกประเทศก็มีจุดเด่น จุดขายของตนเอง แต่เราอาจสามารถเหมารวมโดยคร่าว ๆ ได้ว่าไวน์โลกเก่ามักจะเบากว่า เน้นความ subtle มากกว่าไวน์โลกใหม่ที่มักมีแอลกอฮอล์สูงกว่า และมีความ bold มากกว่า แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับสไตล์ในการผลิต โดยปกติแล้วไวน์ที่ใช้วิธีการผลิตดั้งเดิมจะนิยมเอจในถังโอ๊คนาน ๆ จึงได้โน้ตแทนนินที่นุ่มละมุน เน้นรสชาติไวน์ที่กลมกล่อมกว่า ในขณะที่สไตล์โมเดิร์นจะเน้นการเอจที่สั้นกว่า รวมถึงเอจในถังสแตนเลสที่ทำให้ได้แทนนินที่เข้มกว่า ไวน์มีความจัดจ้านมากกว่า ซึ่งปัจจุบันวิธีโลกเก่าใหม่ไม่ได้ถูกผูกมัดกับกระบวนการผลิตอีกต่อไป คุณอาจเจอไวน์ส่วนใหญ่ในนาปาวัลเล่ย์ที่เอจจิ้งยาวนานจนได้ไวน์แดงแปสนซับซ้อนกลมกล่อม ขณะที่ไวน์สเปนที่ราคาถูกกว่าเต็มไปด้วยแทนนินที่แข็งแกร่ง เข้มข้นเร้าใจ ก็เป็นได้ ฉะนั้นการดูไวน์จะต้องดูให้ลึกกว่านั้น เช่นดูพันธุ์องุ่น วิธีการผลิต ไปจนถึงพื้นที่ย่อย หรือ Terrior ที่ไวน์ต่าง ๆ ถูกปลูกนั่นเองครับ
รสชาติและความรู้สึกของไวน์โลกเก่า VS ไวน์โลกใหม่
รสชาติของไวน์โลกเก่ามีความเข้มข้นของมวลไวน์น้อยกว่า มีปริมาณแอลกอฮอล์น้อยกว่า และไม่ออกรสชาติความหวานขององุ่นมากนัก ซึ่งเป็นผลมาจากการปลูกองุ่นในภูมิประเทศที่มีอากาศเย็น อย่างเช่น ปิโนต์ นัวร์ (Pinot Noir), คาเบอร์เน็ต ซาวิญง (Cabernet Sauvignon) หรือชีราห์ (Syrah) ในขณะเดียวกันแฟน ๆ ของไวน์โลกใหม่ก็ชอบที่จะได้ลิ้มลองรสชาติที่แตกต่างจากการผลิตที่เกิดขึ้นในเขตอบอุ่นที่มีอากาศร้อนกว่า ซึ่งส่งผลให้รสชาติขององุ่นนั้นเปลี่ยนไปด้วย รสชาติของไวน์โลกใหม่นั้นมักจะมีความชุ่มฉ่ำกว่า ความเข้มข้นของมวลไวน์ที่มากกว่า มีความเปรี้ยวที่น้อยกว่า แต่มีปริมาณแอลกอฮอล์ที่สูงกว่าและให้รสชาติหอมหวาน อย่างเช่นชาร์ดอนเนย์ (Chardonnay) ที่ผลิตในออสเตรเลียจะให้กลิ่นคล้าย ๆ ลูกพีช และมีความเปรี้ยวกว่าชาร์ดอนเนย์ที่ผลิตในประเทศโลกเก่า หรืออย่างรีสลิง (Riesling) ที่ผลิตในออสเตรเลียจะให้ความรู้สึกของรสชาติคล้ายรังผึ้งและมะนาว ต่างกับรีสลิงในโลกเก่าที่จะคล้ายกลิ่นของแอปเปิ้ล
ไวน์โลกเก่าและไวน์โลกใหม่ต่างก็บ่งบอกรสนิยมและความชอบของแต่ละบุคคล ไม่สามารถที่จะตัดสินได้ว่าประเภทใดจะดีกว่าประเภทใด ขึ้นอยู่กับรสชาติที่ถูกจริตของผู้ดื่ม หากใครอยากจะรู้รสชาติและความเป็นเอกลักษณ์ของไวน์แต่ละโลกให้ลองหาไวน์ทั้งโลกเก่าและโลกใหม่มาชิมเปรียบเทียบกันดูนะครับ